ข้าวกั๊นจิ๊นหรือข้าวเงี้ยว เป็นอาหารของชาวไทใหญ่ที่แพร่หลายในล้านนา เป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อย พกพาไปไหนๆ ได้สะดวก
เหตุที่เรียกข้าวกั๊นจิ๊นนั้นเพราะคำว่า “กั๊น” เป็นคำกริยาในภาษาล้านนาแปลว่า นวด เพราะขั้นตอนของการทำข้าวกั๊นจิ๊นนั้นต้องนวด ข้าวให้เข้ากับเลือดด้วย แต่บางคนเข้าใจว่าเป็นข้าว “กั้น” จิ๊นหรือข้าว ที่ไม่มีเนื้อสัตว์ เพราะคิดว่าคำว่า กั้น นั้นคืออดอยากไปก็มี
ข้าวกั๊นจิ๊นนั้น บางครั้งเรียกว่าข้าวเงี้ยวเพราะเป็นอาหารของชาวไทใหญ่ ในอดีตชาวล้านนามักจะเรียกชาวไทใหญ่ว่าเงี้ยวซึ่งมีนัยของการดูถูกชาติพันธุ์ว่าเป็นชนชาติที่เจ้าเล่ห์ คบไม่ได้ และเรียกสิ่งต่างๆ ที่เป็นของชาวไทใหญ่ว่าเงี้ยวต่อท้าย เช่น ฟ้อนเงี้ยว หรือ ข้าวเงี้ยว เป็นต้น
แท้จริงแล้ว ชาวไทใหญ่นั้นเป็นชาติพันธุ์ไทเผ่าพันธุ์หนึ่ง ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาและวัฒนธรรมที่เข้มแข็งมาก ชาวไทใหญ่นั้นเรียกตนเองว่าไตหรือไตโหลงและไม่เคยเรียกตนเองว่าเงี้ยวเลย ในปัจจุบันนี้เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างชาติพันธุ์ หลายๆ ฝ่ายจึงรณรงค์ที่จะเปลี่ยนคำศัพท์ที่ใช้เรียกชาติพันธุ์อื่นๆ ในเชิงดูถูกให้เป็นคำศัพท์ที่ถูกต้องและให้ความยกย่องว่าเขาก็คือคนในอีกชาติพันธุ์หนึ่งที่มีความแตกต่างจากเราในด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม
ล้านนาในปัจจุบันนี้ก็ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากไทใหญ่มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการแสดง เครื่องดนตรีหรือแม้แต่อาหารการกินอย่างข้าวกั๊นจิ๊นนี้ ชาวไทใหญ่เป็นชาติพันธุ์ไทที่นิยมกินข้าวจ้าว แตกต่างไปจากชาติพันธุ์ไทอื่นๆ ที่มักจะกินข้าวนึ่งหรือข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก ดังนั้นข้าวกั๊นจิ๊นจึงทำจากข้าวจ้าว ซึ่งเป็นอาหารไม่กี่ชนิดในล้านนาที่ทำมาจากข้าวจ้าว